วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บทที่ 2 ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยว

ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้นถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
การศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ของการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจและศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยว ปัจจุบันมีการจัดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆแก่นักเดินทาง การท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนสามารถจะสืบย้อนไปถึงสมัยที่ยังมีอาณาจักรบาบิโลน (Babylonian)และอาณาจักรอียิปต์ (Egyptian) หลักฐานที่สนับสนุนคือ ได้มีการก่อตั้งพิพิธพัณฑ์โบราณ เมื่อประมาณ 2600 ปีมาแล้ว ชาวอียิปต์ก็มีการจัดงานเทศกาลทางด้านศาสนาซึ่งดึงดูดทั้งผู้ที่มีความเลื่อมใสและผู้ที่เพียงอยากมาชมตึกราม เมื่อมีคนมาเที่ยวชมจำนวนมากทำให้เกิดการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆที่เกิดขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวก็มีการเขียนข้อความไว้ที่ผนังพื่อแสดงหลักฐานการมาเยือน
นักท่องเที่ยวชาวกรีกมีการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวเมื่อประาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล ชาวกรีกจะนิยมเดินทางไปยังสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าที่ทำการบำบัดรักษาโรค เนื่องจากกรีกมีการปกครองในแบบนครรัฐ ( city state ) ที่เป็นอิสระต่อกัน นักท่องเที่ยวส่วนมากจึงเดินทางทางเรือ ในช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาล กรุงเอเธนส์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมสถานที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมสถานที่สำคัญ ชาวโรมันเดินทางอย่างกว้างขวางตั้งแต่ 3000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวโรมันในกรุงโรมนิยมเดินทางไปพักร้อนบนภูเขา ชาวโรมันเข้าครอบครองเมืองปอมเปอี เมื่อ 80 ปีก่อน จากการขุดค้นทางโบราณคดีทำให้ทราบว่าชาวโรมันละปอมเปอีมีความเจริญมั่งคั่งอย่างมากจึงสร้างบ้านเรือนขึ้นอย่างสวยงามและมีร่องรอยของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

สมัยโรมัน
ได้รวบรวมจักรวรรดิกรีก เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรและได้นำเอาวัฒนธรรม ธรรมเนียม ความหรูหราต่างๆไปพัฒนาเป็นแบบโรมัน สมัยโรมันเป็นสมัยที่การท่องเที่ยวรุ่งเรืองที่สุดในยุคโบราณ ชาวโรมันนิยมเดินทางไปชมความสำเร็จของวิทยาการของกรีกที่อนุสาวรีย์ต่างๆ รูปแกะสลัก ตลอดจนงานเทศกาล โครงสร้างพื้นฐานถูกสร้างอย่างเป็นระบบทั้งถนน ที่พักแรม ร้านอาหาร ตลอดจนการบริการความปลอดภัย

การท่องเที่ยวในยุคกลาง
ยุคกลางคือช่วงที่อยู่ระหว่าง ค.ศ.500-1500 หรือเป็ฯช่วงที่ต่อจากการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ยุคกลางเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่ายุคมืด ช่วงเวลาดังกล่าวถนนหนทางถูกปล่อยให้ทรุดโทรมแต่ศาสนจักรโรมันคาทอลิกยังคงเป็นศูนย์รวมของสังคมและอำนาจการเดินทาง วันหยุดเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตของผู้คน แต่สำหรับชาวคาทอลิกทั่วไปการหยุดเพื่อการพักผ่อน คือการหยุกพักจากงาน ไม่เดินทางไปไหนมาไหน คนชั้นสูงและคนชั้นกลางนิยมเดินทางเพื่อแสวงบุญ ปัญหาที่นักเดินทางในยุคกลางต้องเผชิญคือ โจรผู้ร้ายที่คอยดักปล้นนักเดินทางมัคคุเทศก์ในสมัยนั้นจึงต้องทำหน้าที่เป็นผู้นำทางและเป็นผู้ปกป้องนักเดินทางด้วยมัคคุเทศก์ในสมัยนั้นจึงได้รับค่าจ้างสูง
ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance)
ลักษณะสำคัญของการท่องเที่ยวในยุคนี้คือ เกิดการพัฒนาการด้านการค้า ผู้คนเริ่มใฝ่รู้เกี่ยวกับเรื่องของยุโรปสมัยก่อน โดยเฉพาะชาวอังกฤษที่ร่ำรวยนิยมส่งบุตรชายออกเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับผู้สอนประจำตัว (Travelling Tutors) เป็นระยะเวลา 3 ปี เรียกว่า แกรนด์ทัวร์ Grand Tour โดยมีจุดมุ่งหมายที่ประเทศอิตาลี
เราอาจเรียกแกรนด์ทัวร์ว่าเป็นการท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา
สิ่งมหัศจรรย์ในยุคกลางและยุคฟื้นฟู

Colosseum ณ กรุงโรม Italy

Stonehenge

The Hagia Sophia

The Porcelain Tower of Nanjing China

The Leaning Tower of Pisa

The Great Wall of China


สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18-19
ในมัยนี้สังคมเริ่มเปลี่ยนจากเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรม เกิดการล่าอาณานิคมขึ้น ที่พักแรมได้รับการพัฒนาตามลำดับกลายเป็นโรงแรม การโยกย้านถิ่นฐานไปยังดินแดนใหม่ๆนอกยุโรป มีการพัฒนาประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำกับเรือกลไฟแบบกังหันข้างผสมใบทำให้เกิดการเดินทางได้เร็วขึ้น มีการพัฒนากิจการรถไฟและในปี ค.ศ.1841 Thomas Cook
ได้จัดนำเที่ยวทางรถไฟแบบครบวงจรเป็นครั้งแรกที่อังกฤษ

ยุคศตวรรษที่ 20
การท่องเที่ยวยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ความสะดวกสบายมีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ที่พักแรม เงินตรา เอกสารการเดินทาง ผู้คนหันมานิยมการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น ทำให้การเดินทางด้วยรถไฟน้อยลง มนช่วงหลังสงครามโลก ผู้คนมักออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางการสงคราม

แหล่งท่องเที่ยว

Angkor Wat

The Empire State Building

Taj Mahal

วิวัฒนาการท่องเที่ยวของไทย
สมัยสุโขทัย
การเดินทางเป็นไปอย่างอิสรเสรี โดยส่วยมากเป็นไปเพื่อการค้าขายและทางศาสนา ส่วนมากเป็ฯการเดินทางภายในประเทศเท่านั้น
สมัยอยุธยา
ระบบสังคมเป็นแบบศักดินา ผู้คนไม่ค่อยมีอิสระในการเดินทางเพื่อการพักผ่อน นอกจากไปเพื่อการค้าเล็กๆน้อยๆ ปรับปรุงด้านคมนาคมขนส่ง ทางน้ำ ทางบก เพื่อการค้าและการเดินทาง การเดินทางในสมัยอยุธยามักจะเป็นกลุ่มคนที่อยูในชนชั้นปกครอง
เกิดความเป็นนานาชาติมากขึ้น ผสมผสานด้านวัฒนธรรมประเพณีต่างๆระหว่างตะวันตกและไทย

อ้างอิง
ขอบคุณภาพสวยๆจาก http://www.wikimedia.org/ และ http://www.tajmahal-luchtruck.com/

สรุปเรื่อง 395 ปี บันทึกของปินโต

395 ปี บันทึกของปินโต : หลักฐานทางประวัติศาสตร์นิพนธ์หรือนิยายผจญภัย
ปินโตเป็นชาวเมืองมองเตอมูร์เก่า ( Montemor-o-velho) ใกล้เมืองกูอิงบรา ในราชอาณาจักรโปรตุเกส
ปินโตเกิดในครอบครัวยากจน การผจญภัยของปินโตเริ่มขึ้นเมื่อเดินทางไปถึงเมืองดิว ที่อินเดียใน ค.ศ.1538 ปินโตเคยเดินทางไปในเอธิโอเปีย จน อาณาจัรของชาวตาร์ตาร์ โคชินไชนา สยาม พะโค ญี่ปุ่น และหมู่เกาะอินเดียตะวันออกในน่านน้ำอินโดนีเซียปัจจุบัน ปินโตเคยเผชิญปัญหาเรืออับปาง 5 ครั้ง ถูกขาย 16 ครั้งแะถูกจับเป็นทาสถึง 13 ครั้ง ชีวิตในเอเชียของปินโตเคยผ่านการเป็นทั้งกลาสีเรือ ทหาร พ่อค้า ทูตและนักสอนศาสนา เมื่อเดินทางกลับไปโปรตุเกสในปี ค.ศ.1558 เขาจึงพยายามติดต่อขอรับพระราชทานบำเหน็จรางวัล เนื่องจากได้ปฏบัติหน้าที่เพื่อชาติและศาสนาอย่างเต็มที่ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากราชสำนัก ปินโตจึงไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองปรากัลป์ ใกล้เมืองอัลมาดาทางใต้ของโปรตุเกส ปินโตเขียนหนังสือชื่อ "Peregrinacao" และถูกตีพิมพ์หฃังจากเขาถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ.1583
ปินโตเคยเดินทางเข้าสยาม 2 ครั้ง ครั้งแรกเข้ามาในปัตตานีและนครศรีธรรมราชก่อน ค.ศ.1548 ครั้งที่ 2 เข้ามายังกรุงศรีอยุธยาในรัชสมันสมเด็จพระไชยราชาธิราช หลังจากปินโตถึงแก่กรรม บุตรีของเขาได้มอบตันฉบับหลังสือเรื่อง"Peregrinacao" ให้แก่นักบวชแห่งกรุงลิสบอน ต่อมากษัตริย์ฟิลิปที่2แห่งสเปน ได้ทอดพระเนตรงานนิพนธ์ชิ้นนี้ บุตรีของปินโตจึงได้รับพระราชทานบำเหน็จเป็นรางวัลแทนบิดา งานเขียนของปินโตตีพิมพ์ครั้งแรดเมื่อ ค.ศ.1614 และได้แปลเป็นภาษาต่างๆ งานเชียนของปินโตถูกนำเสนอในรูปของร้อยแก้ว ปินโตระบุว่า การเล่าเรื่องการเดินทางของเขามีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การเรียนรู้สภาพภูมิศาสตร์ของโลกไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะก่อให้เกิดความท้อถอยในการติดต่อกับดินแดนแถบเอเชีย จุดมุ่งหมายที่จริงจังของทั้งปินโตและโคแกนวะท้อนให้เห็นคุณค่าของเหตุการณ์ สถานที่ ทรัพยากร อารมณ์ ความรู้สึกและวัฒนธรรมอันหลากหลายของผู้คนที่ปรากฎในหนังสือ
บันทึกของปินโตเป็นอกสารสำคัญที่กล่าวถึงเรื่องราวส่วนหนึ่งเกี่ยวกับทรัพยากร การทหาร วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ กฎหมายและเรื่องราวในราชสำนักสยามกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 เรื่องเราวในหนังสือสอดคล้องกับงานเขียนของนักประวัติศาสตร์ชาวโปรตุเกสหลายคน หนังสือของปินโตถูกตีพิมพ์เผยแพร่อย่างกว้างขวางในยุโรป จึงเป็นเหตุให้เขาถูกวิจารณ์อย่างแรง
ผู้เขียนเห็นว่างานนิพนธ์ของปินโตมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากกว่าจะถูกมองว่าเป็นเพียงวรรณกรรมประโลมโลกหรอนิยายผจญภัยของกลาสีเรือ แม้เนื้อหาบางตอนจะดูตื่นเต้นเร้าใจเกินกว่าจะมีความสมจริงตามทัศนะของนักประวัติศาสตร์ งานของปินโตถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความแม่นยำของศักราช เพราะบันทึกของเขาเป็นเอกสารที่เขียนขึ้นจากความทรงจำเมื่อเขาเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ในโปรตุเกสระยะหนึ่งแล้ว ในทางกลับกันอาจจะมีผู้ใช้บันทึกของปินโตมาตรวจสอบความแม่นยำของเอกสารฉบับใดฉบับหนึ่งอย่างจริงจังในอนาคตก็ได้

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

โปรแกรมทัวร์

ทัวร์ป่าหินงาม - ชมดอกกระเจียว - ฟาร์มโชคชัย

รหัสโปรแกรมทัวร์ : NM-E02
รายละเอียด : ทุ่งดอกกระเจียว..พาเพลิน ขอนำท่านเดินทางสู่ จ. ชัยภูมิ ณ เทือกเขาพังเหย
เดินทาง ทุกสัปดาห์ (เสาร์-อาทิตย์)
ราคา : 3900 บาท

" ชมดอกไม้ป่าที่มีความสวยงามในนามของ ดอกกระเจียว หรือ ดอกบัวสวรรค์ ทีจะออกดอกในช่วงฤดูฝน เป็นสีชมพูอมม่วงบานสะพรั่งตัดกับท้องทุ่งหญ้าสีเขียวเป็นที่สวยงาม ตื่นตากับจุดชมวิวสุดแผ่นดิน ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเทือกเขาเป็นแนวหน้าผารอยต่อระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน เป็นจุดที่มีทัศนียภาพอันงดงามของทิวเขา มหัศจรรย์กับอุทยานฯป่าหินงามกับรูปหินรูปร่างสวยงามแปลกตา .....ชม “ฟาร์มโชคชัย” โดยการบริการของมัคคุเทศก์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพและสต๊าฟทีมงานที่ชำนาญพื้นที่ "


รายละเอียดโปรแกรมทัวร์

วันที่ 1
กรุงเทพฯ – ดอกกระเจียว – อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม – เขาใหญ่ – Palio Villa Market

07.00 น.
พร้อมกัน ณ ปั้ม ปตท.วิภาวดีรังสิต เจ้าหน้าที่รอให้การต้อน พร้อมต้อนรับท่าน
08.00 น.
ท่านออกเดินทางโดยรถตู้ปรับอากาศ...บริการเช้ากล่อง(บริการมื้อ1) เครื่องดื่ม...พักผ่อนอย่างสบาย ชมทัศนียภาพระหว่างการเดินทาง

10.00 น.
เดินทางถึง อ.เทพสถิตย์....บริการอาหารกลางวัน(บริการมื้อ 2) แบบพื้นเมือง.....เติมพลังเรียบร้อยแล้วเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาพังเหยโดยรถสองแถวของอุทยานฯ ผ่านต้นไม้สูงชันเพลินตากับทิวทัศน์สองข้างทางและทางขึ้นเขาลาดยางที่แสนสะดวก....ถึงยอดเขาพังเหยนำท่านชม สุดแผ่นดินเป็นจุดที่สูงสุดของเทือกเขาพังเหย ซึ่งเป็นแนวหน้าผาซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างภาคกลางกับภาคอีสานที่จุดชมวิวสุดแผ่นดินนี้จะมองเห็นทิวสันเขาสลับซับซ้อนและมีสายลมพัดเย็นตลอดเวลา....เก็บภาพสวยงาม จากนั้นเชิญท่านออกกำลังกายเดินเท้าเพียงเล็กน้อยเพื่อชมทุ่งดอกกระเจียวบานสะพรั่งอยู่เต็มผืนหญ้าสีเขียวเป็นที่สวยงามยิ่งนัก เชิญท่านเก็บภาพตามอัธยาศัย ....จากนั้นนำท่านพบความงามแบบมหัศจรรย์ ณ อุทยานฯป่าหินงาม ภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อนและมีโขดหินใหญ่รูปร่างแปลกตา สวยงามเช่น หินรูปจานเรดาห์,ถ้วยฟุตบอลโลก,รูปนก,รูปตะปู ฯลฯ......นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงกันยังมีพวกดอกไม้ป่าเช่นดุสิตา เอนอ้าและกล้วยไม้ ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก....เก็บภาพเป็นที่ระลึกจาก...สมควรแก่เวลานำท่านลงจากเขาพังเหยมายังจุดจอดรถ เชิญท่านซื้อของฝากจากภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ชาวบ้านรวมตัวนำมาขายให้ท่านได้เลือกซื้อ

15.00 น.
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ อ. ปากช่อง นำท่านเข้าที่พัก“วิลล่าพาราดีส์ รีสอร์ท” (หรือเทียบเท่า)...ภารกิจส่วนตัว

16.00 น.
นำทุกท่านออกจากที่พักเที่ยว ชม Viila Market แห่งใหม่บริเวณเขาใหญ่ “Palio Khao Yai” ...มีสินค้าให้ทุกท่านได้เลือกซื้อเลือกชม...รวมทั้งยังมีมุมสวยๆๆให้เก็บภาพเป็นที่ระลึกอีกมากมาย...
17.00 น.
บริการอาหารเย็น (บริการมื้อที่ 3) ณ ห้องอาหารของที่พัก ...หลังอาหารพักผ่อนตามอัธยาศัย ท่ามกลางบรรยากาศในอ้อมกอดของธรรมชาติ



วันที่ 2

เขาใหญ่ – ฟาร์มโชคชัย – วัดพระพุทธฉาย – กรุงเทพฯ


7.00 น. บริการอาหารเช้า (บริการมื้อที่ 4) ...เรียบร้อยแล้วเก็บสัมภาระอำลาที่พัก นำท่านเดินทางสู่ “ฟาร์มโชคชัย”เชิญท่านชมวิธีการเลี้ยงโคนม การจัดการฟาร์มในพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 200 ไร่การผสมเทียมโคนม, การรีดนมวัวด้วยเครื่องและด้วยมือแบบดั้งเดิมพร้อมกับการเรียนรู้การรีดนมโคด้วยมือคุณเอง, นั่งรถฟาร์มแทร็กเตอร์ ชมการปลูกอาหารสัตว์การอาหาร หมัก, ทุ่งทานตะวัน ฯลฯ


12.00 น. บริการอาหารกลางวัน (บริการมื้อที่ 5) “ร้านข้าวสามสี” เรียบร้อยแล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ แวะซื้อกะหรี่พัฟ, หมูทุบ, ผลไม้ เป็นของฝากคนทางบ้านจากนั้นเดินทางต่อ นำทุกท่านนมัสการพระพุทธฉาย...เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเดินกลับ

18.00 น. ชาวคณะเดินทางถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ......

ค่าบริการและเงื่อนไขการบริการ
ระยะเวลาในการเดินทาง ทุกสัปดาห์ (เสาร์-อาทิตย์)
- อัตราค่าบริการ ท่านละ 3,900 บาท
- ราค่าบริการนี้รวม ค่ารถตู้ปรับอากาศ Commuter 9 ที่นั่ง มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
- ค่าอาหารระหว่างเดินทาง 5 มื้อ ที่พัก วิลล่าพาราดีส์ 1 คืน (ห้องStandard)
ค่าธรรมเนียมต่างๆ
- ของว่างระหว่างเดินทางบนรถ
- ประกันอุบัติเหตุวงเงินท่านละ 1,000,000 บาท
- มัคคุเทศก์ผู้ชำนาญเส้นทางบริการท่านตลอดการเดินทาง
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
- ค่าทิปพนักงานบริการ เช่น หัวหน้าทัวร์, มัคคุเทศก์, พนักงานขับรถ เป็นต้น
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าซักผ้า รีดผ้า ค่าอาหาร และเครื่องดื่มสั่งพิเศษ ค่าอาหารที่นอกเหนือจากทางบริษัทจัดให้
- ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % และ ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 % (กรณีที่มีการขอใบเสร็จ)
- ค่ากิจกรรมที่ไม่อื่นที่ไม่ระบุในโปรแกรมและกิจกรรม
เงื่อนไขการชำระเงิน
- ตกลงการเดินทาง ชำระเงิน ร้อยละ 50 ของการเดินทาง พร้อมแจ้งชื่อ นามสกุล วันเกิด เพื่อทำประกันชีวิต
- ร้อยละ50 ชำระก่อนวันเดินทาง 7 วันหรือตามแต่ที่ได้มีการตกลงทำสัญญากัน

อุทยานป่าหินงาม

ฟาร์มโชคชัย


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก http://www.tourtooktee.com/

ขอบคุณภาพสวยๆจาก http://www.thaiforestbooking.com และ http://www.thainetidol.com

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บทที่1 ความหมาย ความสำคัญของการท่องเที่ยว

การท่องเที่ยวสัมพันธ์กับ... การเดินทางเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ การร่วมกิจกรรมบางอย่าง การเยี่ยมเยือนญาติมิตร การที่ชาวต่างประเทศสะพายกระเป๋า รวมถึงการที่ชาวต่างประเทศนอนอาบแดด
การท่องเที่ยวในปี พ.ศ.2506 ต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการตามข้อตกลงการประชุมขององค์การสหประชาชาติ คือ
1.การเดินทางจากที่อยู่อาศัยปกติไปยังที่อื่นชั่วคราว
2.การเดินทางด้วยความสนใจ
3.การเดินทางด้วยวัตถุ
และให้คำนิยามของผู้ที่เดินทางว่า ''ผู้เยี่ยมเยือน'' โดยผู้เยี่ยมเยือนแบ่งออกเป็น
นักท่องเที่ยว Tourist
ผู้ที่มาเยือนชั่วคราว ซึ่งพัก ณ สถานที่ไปเยือนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ผู้ที่ไม่มีที่พักอยู่ในสถานที่ที่ไปเยือน ผู้ที่มีสัญชาติของประเทศนั้น หรือเป็นคนถิ่นนั้นแต่ไม่ได้อาศัยอยู่ และผู้ที่เป็นลูกเรือ

นักทัศนาจร Excursionist
ผู้มาเยือนชั่วคราว พัก ณ สถานที่นั้นไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง โดยส่วนมากจะเป็นพวก ผู้โดยสารเรือสำราญ และผู้ที่มาเยือนและจากสถานที่นั้นไปภายในวันเดียว รวถึงผู็ที่เปนลูกเรือซึ่งแวะมาพักเพียงชั่วคราวน้อยคกว่า 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ผู้มาเยือนตามถิ่นพำนักสาารถแบ่งได้เป็น
- ผู้มาเยือนขาเข้า ( inbound visitor ) คือ ผู้มาเยือนที่มีถิ่นอาศัยในต่างประเทศและเดินทางเข้ามาเที่ยวอีกประเทศ
- ผู้มาเยือนขาออก ( outbound visitor ) คือ ผู้มาเยือนที่มีถิ่นอาศัยในประเทศหนึ่งและเดินทางไปเที่ยวอีกประเทศหนึ่ง - ผู้มาเยือนในประเทศ ( domestic visitor) คือ ผู้มาเยือนที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศที่ตนเองอาศัยอยู่

วัตถุประสงค์ของการท่องเที่ยว
ในการท่องเที่ยวมีวัตถุประสงค์หลายอย่าง รวมถึงวัตถุประสงค์ที่ทำให้การเดินทางไม่ใช่การท่องเที่ยว ก็คือ การเดินทางเพื่อประกอบอาชีพและหารายได้ เพราะฉะนั้นวัตถุประสงค์ของการท่องเที่ยวจึงแบ่งออกได้ดังนี้
1) เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานและพักผ่อน ( Holiday)
เป็นการเดินทางเพื่อความสนุกสนานรื่นเริง เนื่องจากนักท่องเที่ยวเหล่านี้มีวันหยุกจำกัด นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเยี่ยมเยือนญาติมิตร และ การเดินทางไปอาบบแดดชายทะเล

2) เพื่อธุรกิจ
การเดินทางประเภทนี้เปนการเดินทางควบคู่ไปกับการทำงานแต่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแระกอบอาชีพหรือหารายได้ การเดินทางเพื่อธุรกิจนี้รวมไปถึงการเข้าร่วมประชุม การสัมมนา การจัดนิทรรศการ การสำรวจตลาด และการจัดแสดงสินค้า

การประชุมสัมมนาคณะบริหาร

ประเภทของการท่องเที่ยว สามารถแบ่งได้ 3 วิธี

แบ่งตามสากล แบ่งโดยใช้ประเทศกำหนด ได้แก
1. การเที่ยวภายในประเทศ ( Domestic Tourism ) คือ ผู้ที่เที่ยวในประเทศที่ตนอาศัยอยู่
2. การเที่ยวเข้ามาในประเทศ ( Inbound Tourism ) คือ ผู้ที่อาศัยอยู่ที่อื่น แต่เดินทางเข้ามาเที่ยวในอีกประเทศหนึ่ง
3. การเที่ยวนอกประเทศ ( Outbound Tourism ) คือ ผู้ที่อาศัยอยู่ประเทศหนึ่งแต่เดินทางออกไปเที่ยวยังต่างประเทศ แบ่งตามลักษณะการจัดการเดินทาง
1) การท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะ ( Group Inclusive Tour : GIT )
การท่องเที่ยวแบบนี้แบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ กรุ๊ปเหมา และ กรุ๊ปจัด
- กรุ๊ปเหมา คือ การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวที่มีความสัมพัธ์กัน ทั้งด้านการงานและส่วนตัว
- กรุ๊ปจัด คือ การเดินทางที่นักท่องเที่ยวที่ไม่มีความสัมพันธกัน แต่ต้องการจะไปเที่ยวยังสถานที่เดียวกัน
2) การท่องเที่ยวแบบอิสระ (Foreign Indivdual Tourism : FIT )
นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มักจะเดินทางตามลำพัง และอาจวางแผนการเดินทางด้วยตัวเอง
แบ่งตามวัตถุประสงค์พิเศษ
1. เพื่อความเพลิดเพลินและพักผ่อน เช่น การเล่นน้ำทะเล นั่งรถชมเมือง ซื้อของ ชมวิว
2. เพื่อธุรกิจ
3. เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ กิจกรรมที่เกิดขึ้นจะมีความซับซ้อนและเป็นระบบ แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้

- การท่องเที่ยวนิเชิงนิเวศ เช่น การดูนก เดินป่า เป็นต้น

- ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและกีฬา เช่น การปีนเขา การอาบน้ำแร่


- ท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม

- ท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสชาติพันธุ์และวัฒนธรรมท้องถิ่น

อุตสาหกรรมท่องเที่ยว
อุตสาหกรรมท่องเที่ยว หมายถึง ธุรกิจท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยแรงงาน การลงทุน เทคนิควิชาชีพเฉพาะ มีการวางแผน การจัดองค์กร และการตลาด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะมีองค์ประกอบที่สำคัญ 2 ประการ คือ
1. องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนักท่องเที่ยว 2. องค์ประกอบที่สนับสนุนกิจกรรมทางการท่องเที่ยว
องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนักท่องเที่ยวโดยตรง แบ่งออกได้ดังนี้
- สิ่งดึงดูดใจ
- ธุรกิจที่พักแรม
- ธุรกิจร้านอาหาร
- ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
องค์ประกอบที่สนับสนุนกิจกรรมทางการท่องเที่ยว แบ่งได้ดังนี้
- ธุรกิจจำหน่ายสินค้าที่ระลึก
- ธุรกิจการประชุม สัมมนา การท่องเที่ยวเพื่อเป็ฯรางวัล และการจัดนิทรรศการ
- การบริการข่าวสารข้อมูล
- การอำนวยความสะดวกทางด้านความปลอดภัย

ความสำคัญของการท่องเที่ยว
ทางด้านเศรษฐกิจ ช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศ ทำให้เกิดการกระจายตายได้ไปสู่ท้องถิ่น นำทรัพยากรมาใช้อย่างคุ้มค่า และการท่องเที่ยวยังช่วยเศรษฐกิจในเรื่องการลดปัญหาว่างงาน
ด้านสังคมและวัฒนธรรม มีส่วนช่วยในการฟ์้นฟูและอนุรักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ช่วยให้สังคมรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ช่วยยกระดับมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคม และช่วยส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์อันดีของมวลมนุษยชาติ
ด้านการเมือง ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และ ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีแกประเทศ

อ้างอิง

http://www.pak-soi.com/

http://www.ttresearch.org/

http://www.oknation.net